วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

The 33

The 33 : 23 Feb 2016

เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในชิลี 
เมื่อปี 2010

คนงานเหมืองขุดทองในชิลี
โดนสั่งให้ลงไปปฏิบัติงาน
ทั้งที่มีผู้สังเกตเห็นรอยแตก
ของพื้นผิวภายในเหมือง
กลัวว่าเหมืองจะถล่ม

ซึ่งวันนั้นคนงาน 33 คน
เข้าไปทำงาน
แล้วเหมืองก็ถล่มลงจริงๆ

ทั้ง 33 คนติดอยู่ที่ความลึก
ประมาณ 700 เมตร

พวกเค้ารวมตัวอยู่ในห้องนิรภัย
มีอาหารที่พอกินได้แค่ 3 วัน

พวกเค้าหาทางออก
ที่จริงตามระบบเซฟตี้
จะต้องมีบันได
ให้ปีนผ่านช่องเล็กๆขึ้นมาได้

แต่ด้วยความละเลย 
ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น
ทำให้สร้างบันไดไว้ไม่เสร็จ

เมื่อหมดหนทาง 
พวกเค้าจึงทำได้แค่มีความหวัง
ให้คนข้างบนขุดลงมา
เจอพวกเค้าในสักวันหนึ่ง

อยู่ภายใต้สภาพห้องแคบๆ
ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
อาหารก็มีจำกัด
ทำให้จิตใจของบางคน
ที่ไม่เข้มแข็งพอ
ก็สติหลุด เพ้อบ้าง 
หาเรื่องทะเลาะกันบ้าง
แต่ก็ประคับประคองกันไว้ได้

ส่วนด้านนอกเหมือง
คนอื่นๆต่างถอดใจ
และคิดว่าการจะช่วยคนทั้ง 33
เป็นเรื่องยาก 
และสิ้นเปลืองงบประมาณ

มีเพียงท่านรัฐมนตรีเหมือง
ที่ยังไม่ถอดใจ
ระดมเครื่องขุด
และวิศวะกรมาช่วยกันคิด
ว่าจะทำยังไงให้ช่วยคนทั้ง 33 ให้ได้

ญาติพี่น้องก็ต่างมาปักหลัก
เฝ้ารออยู่รอบๆเหมือง
อย่างมีความหวัง

ซึ่งในที่สุดความพยายาม
ของทุกฝ่ายก็เป็นผล
ขุดเจาะลงไปเจอ
ลำเลียงเสบียง น้ำ เสื้อผ้า 
อาหาร ลงไปให้ก่อน
แล้วถึงค่อยๆทำแคปซูน
ลำเลียงคนขึ้นมาทีละคน
ซึ่งรวมเวลาทั้งหมด
ที่คนงานติดอยู่ในเหมือง
ประมาณ 59 วัน (มั้ง)

Concussion 2016

Concussion 2016 : 24 Feb 2016

ดูในทีเซอร์
เห็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับหมอชันสูตรศพ
ก็ตัดสินใจอย่างไว 
ว่าต้องดูให้ได้
ดูแล้วก็คิดถึงหมอจ๋าของเรานะ 5555

และความที่หนังสร้างจากเรื่องจริง
ก็ยิ่งทำให้หนังมีเสน่น่าติดตาม
ร่วมลุ้นและเอาใจช่วยไปด้วย

เราว่ามันเป็นหนังคุย
ที่สนุกมากพอตัวเลย

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2002
Dr.โอมาลู ชาวไนจีเรีย
ที่มาทำงานเป็นหมอชันสูตรศพ
อยู่ในอเมริกา
ซึ่งก็มีแรงกดดัน
เรื่องเชื้อชาติอยู่พอสมควร

หมอได้ปริญญาหลายใบ
ทั้งด้านการแพทย์ 
บริหารธุรกิจ และทางดนตรี
จึงได้รับการยอมรับ
ในเรื่องความรู้ความสามารถ

หมอจะทำงานกับศพ
แบบให้ความเคารพ
พูดคุยกับศพ 
และเปลี่ยนเครื่องมือที่ใช้ผ่าทุกศพ

แต่ละศพที่มีเงื่อนงำน่าสงสัย
หมอก็ไม่ยอมปล่อยให้สาเหตุการตายไม่ชัดเจน
หมอบอกว่า
หมออยู่กับการหาเหตุผลของการตาย
มากกว่าการทำให้มีชีวิตอยู่

ซึ่งแนวทางการทำงานของหมอ
บางคนก็ชอบ แต่คนที่ไม่ชอบก็มี

จนหัวหน้าต้องเตือนว่า
ให้ลดความติสท์ลงหน่อย
และให้หาเมียได้แล้ว
การมีสัมพันธ์ใกล้ชิด
กับสิ่งมีชีวิตจะให้สดชื่นขึ้น
และหมกมุ่นกับงานน้อยลงบ้าง

แล้วหมอก็เจอเคส
ไมค์ นักกีฬาอเมริกันฟุตบอล วัย 50
ที่ก่อนหน้านั้นมีอาการ หลอน หลงลืม
เหมือนคนเป็นบ้า
ออกมาใช้ชีวิตเป็นคนร่อนเร่นอนข้างถนน

หมอผ่าดูสมองไมค์ก็ปกติดีไม่มีเนื้องอก
และไม่มีโอกาสเป็นอัลไซเมอร์

หมอจึงสงสัยมากว่า
ทำไมไมค์ถึงมีอาการแบบนั้นก่อนตาย

หมอลงทุนใช้เงินส่วนตัว
เพื่อเก็บสมองของไมค์ไปวิเคราะห์ต่อ

หมอตัดเซกชั่นดูเนื้อเยื่อภายในสมอง
ลงลึกไปถึงระบบประสาท
ก็พบว่า เซลล์ประสาทในสมอง
ของไมค์เสียหายมาก

หมอเริ่มศึกษา
วิธีการเล่นอเมริกันฟุตบอล
ซึ่งก็พบว่า นักกีฬาวิ่งชนกัน
แย่งลูก จู่โจมคู่แข่ง 
โดยการใช้หัวกระแทกกันบ่อยครั้ง

ซึ่งตามหลักการ 
เนื้อสมองของคนเรา
ลอยในของเหลวอย่างเป็นอิสระ
อยู่ในกะโหลกที่ห่อหุ้มพอหลวมๆ

เมื่อสมองโดนแรงกระแทกบ่อยๆ
มีผลทำให้โปรตีนบางอย่าง
ในเซลล์ประสาทถูกทำลาย
สร้างความเสียหายให้สมอง 
ความคิด และความทรงจำ

ในช่วงแรกงานวิจัยของหมอ
ไม่เป็นที่ยอมรับ
เพราะหากยอมรับ 
กีฬาอเมริกันฟุตบอล
จะกลายเป็นกีฬาอันตราย
และจะหมดความนิยมไป

มันสนุกตรงนี้แหละ
หนังทำให้เห็นการต่อสู้กัน
ระหว่างวิทยาศาสตร์กับธุรกิจ
และระหว่างสุขภาพของนักกีฬา
กับความสุขของคนดู..

หมอต่อสู้ทุกวิถีทาง
ให้งานวิจัยได้เผยแพร่ออกไป
แต่ตอนนั้น อำนาจทางธุรกิจ
เหมือนจะมีอิทธิพลกว่า

หมอโดนกดดันหลายทาง
จนเมียเครียดและแท้งลูก
หมอจึงยอมย้ายออกไปทำงานเมืองอื่น
จนเรื่องเริ่มเงียบๆไป

สามปีที่ผ่านไป
มีนักกีฬาคนอื่นๆที่มีอาการ ของ concussion
และตายต่อเนื่องกันมา
ทั้งอาการปวดหัว เจ็บปวดทรมาน
ประสาทหลอน จำใครไม่ได้
ซึมเศร้าจนฆ่าตัวตาย
หรือควบคุมสติไม่อยู่จนเกิดอุบัติเหตุ

คนล่าสุดที่ฆ่าตัวตาย
ทิ้งจดหมายที่เล่าถึงอาการต่างๆไว้
เรื่องจึงเกิดเป็นกระแสขึ้นมาอีกครั้ง
และครั้งนี้ประชาชนก็เริ่มเชื่อด้วย

---อยากรู้ว่าตอนนี้ กีฬาอเมริกันฟุตบอลยังมีอยู่มั้ย
    แต่ถ้ามี วิทยาศาสตร์ทางกีฬาค
    ช่วยเซฟนักกีฬาได้มากขึ้นแล้วมั้ง???...---

The Revenant 2016

The Revenant 2016 : 10 Feb 2016

คาดหวังว่าหนัง
จะเป็นตัวอย่างของการต่อสู้
เพื่อเอาชีวิตรอด
แบบที่สร้างแรงบันดาลใจ
และการลุกขึ้นสู้ทุกครั้งที่ล้มได้

แต่ดูแล้วกลับรู้สึกว่า 
หนังมันก็โหดเกิ๊นนน..

มีตอนหนึ่ง ที่ลุงอินเดียนแดง
ที่ช่วยพระเอกไว้
ถูกแขวนคอ แล้วมีป้ายเขียนว่า
“ทุกคนมีความป่าเถื่อน”
ตอนนั้นโคตรทำร้ายจิตใจเราเลย!!

เราว่าคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วบอกว่าสนุก
ก็น่าจะเป็นคนที่มีความป่าเถื่อนในใจลึกๆ
อยู่เยอะพอสมควร

การล่า การตามล้างแค้น ต่อสู้
เลือดสาด บาดแผล เหวอะหวะ
มันเป็นอะไรที่ดูไปก็ต้องแสยะปากไป
ดูแบบเก็กหน้าสวยๆไม่ได้เลย 5555

ส่วนที่ชอบที่สุดของหนังคือ
ภาพแสงพระอาทิตย์เป็นแฉก 
ส่องอยู่เบื้องหลังดงต้นไม้สูงๆ
ให้ได้เห็นหลากหลายฤดูกาล
ภาพมันสวยทุกฤดู
ทั้งตอนต้นไม้มีใบเขียวชอุ่ม
ตอนต้นไม้เหลือแต่กิ่งก้าน
ตอนที่หิมะปกคลุม 
สวยจนอยากไปเห็นของจริง :)

ในยุคสมัยหนึ่งที่มีการล่าอาณานิคม
ยึดครองพื้นที่เพื่อทำผลประโยชน์
กลุ่มคนอเมริกัน
บุกรุกพื้นที่ชาวอินเดียนแดง
ล่าสัตว์เอาหนังกลับไปขาย

ชาวอินเดียนแดงเจ้าของถิ่น
เข้ามาปล้นหนังสัตว์
แล้วเอาไปขายให้ชาวฝรั่งเศส

แกลสอยู่ในกลุ่มคนอเมริกัน
ที่รู้จักพื้นที่แถวนี้ดี 
เพราะมีเมียเป็นอินเดียนแดงด้วย

แกลสแนะนำให้ชาวคณะ หนีทางบก
ซึ่งขัดแย้งกับความคิดของฟิทซ์ 
ที่อยากให้ไปทางเรือ

ฟิทซ์ไม่ชอบหน้าแกลสอยู่แล้ว
มักพูดจาดูถูกเมียและลูกชายของแกลส

ระหว่างเดินทางเพื่อหนีเอาตัวรอด
แกลสโดนหมีทำร้ายเกือบตาย
แต่หัวหน้าคณะ
มีความเคารพนับถือแกลสมาก
ไม่อยากปล่อยทิ้งไว้

จึงจ้างคนคอยเฝ้า
จนกว่าแกลสจะตายเอง
และให้อยู่ฝังศพอย่างสมเกียรติ

ผ่านไปสองวัน แกลสก็ยังไม่ตาย
ฟิทซ์เริ่มโมโห 
ที่แกลสทำให้เสียเวลาเดินทาง
ตั้งใจอุดปากให้แกลสตายๆไปซะ

ฮอร์คลูกชายของแกลสมาเห็น
ฟิทซ์พลั้งมือฆ่าฮอร์ค
และโกหกเพื่อนอีกคนว่า
เห็นชาวอินเดียนแดงใกล้เข้ามาแล้ว
ถ้ายังอยู่ก็ตายกันหมด
จำเป็นต้องทิ้งแกลสไว้
คิดว่ายังไงก็ตายอยู่แล้ว

ปรากฏว่าแกลสฮึดสู้ให้มีชีวิตอยู่ต่อ 
เอาตัวรอดและกลับไปถึงค่ายได้
แล้วออกตามหาฟิทซ์เพื่อแก้แค้น..จบ

ในช่วงที่แกลสกำลังจะตาย
แกลสหูแว่วได้ยินเสียงเมียพูดว่า
“ถ้าคุณยืนท่ามกลางพายุ
ด้านหน้ามีต้นไม้ใหญ่ 
คุณจะเห็นกิ่งก้านหักพังไปตามแรงลม
แต่ถ้าคุณมองที่ลำต้น 
คุณจะเห็นมันยังมั่นคง”

เอาจริงเราไม่รู้ว่าหนังต้องการสื่ออะไร
แต่จากคำพูดนั้น
ทำให้เราคิดได้ว่า

---- สิ่งใดที่จำเป็นสำหรับการมีชีวิต
จงพยายามสร้างมันขึ้นมาอย่างมั่นคง
ที่ต่อให้มีอะไร มากระทบมันแค่ไหน
เราจะมั่นคงจนผ่านพ้น และมีชีวิตต่อไปได้ ---

สำหรับเรา “สิ่งจำเป็นสำหรับการมีชีวิต” 
เรานึกถึง “บุคลิกภาพแกนกลาง”

คนเรามีบุคลิกภาพแกนกลาง
และบุคลิกภาพเปลือกนอก
ที่แสดงออกมาให้คนอื่นๆเห็น
บุคลิกภาพเปลือกนอก 
เราค่อยๆปรับเปลี่ยนมันได้
แต่บุคลิกภาพแกนกลาง
ไม่ว่าจะมีอะไรมากระทบ
เรื่องราวรุนแรงทำร้ายจิตใจแค่ไหน
ขอให้สู้จนผ่านไปได้
โดยไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
และไม่สูญเสียความภูมิใจในตนเองไป..

The Finest Hours 2016

The Finest Hours 2016 : 3 Feb 2016

ตอนดูทีเซอร์ 
รู้สึกเหมือนสเปเชี่ยลเอฟเฟกต์
ในการทำคลื่น ทำพายุดูอลังการดี

แต่พอดูจริงแล้ว ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่

หนังสร้างจากเรื่องจริง 
ที่เกิดขึ้น เมื่อปี 1952

เบอร์นี่ เป็นเจ้าหน้าที่ยามฝั่ง
ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ
และช่วยเหลือเรือที่ประสบเหตุกลางทะเล

วันหนึ่งกลางทะเลเกิดพายุขึ้นรุนแรงมาก
เรือขนน้ำมันสองลำล่มในเวลาใกล้เคียงกัน
หัวหน้ายามฝั่งส่งทีมหนึ่ง
ไปช่วยเหลือลำแรกด้วยเรือใหญ่

ส่วนทีมเบอร์นี่
เหลือแต่เรือเล็ก
ที่ต้องฝ่าพายุ
และข้ามสันทรายออกไปช่วยเรืออีกลำ

เบอร์นี่เคยทำพลาดมาก่อน
เคยออกเรือไป 
แต่ฝ่าคลื่นที่กระทบสันทรายออกไปไม่ได้
ทำให้ช่วยเรือที่ประสบเหตุไม่ทัน

มาครั้งนี้เบอร์นี่จึงยิ่งกดดัน
ว่าจะสามารถเอาชนะ
ความรู้สึกกลัวในใจตัวเอง
แล้วช่วยลูกเรือที่ประสบเหตุได้สำเร็จมั้ย

ทางด้านเรือน้ำมันที่ประสบเหตุ 
เรือขาดกลางลำ
ส่วนด้านหน้าเรือที่มีกัปตัน 
จมหายไปแล้ว
เหลือด้านท้ายเรือที่มีเครื่องยน
ต์และพวกช่างเครื่อง

ซีเบิร์ท นายช่างที่ออกแบบ
และดูแลเรือลำนี้มาตลอด
ต้องแก้ไขสถานการณ์
เพื่อให้ส่วนท้ายเรือนี้
ลอยอยู่ได้ให้นานที่สุด

เค้าแก้ปัญหา
โดยหาเหล็กมาทำเป็นหางเสือ
เพื่อหันเรือไปเกยไว้กับสันทราย

แต่การทำแบบนั้นก็มีอุปสรรค
ให้ได้ลุ้นได้เอาใจช่วยกัน

และถึงแม้จะเอาเรือไปเกยสันทรายได้
เรือก็ยังค่อยๆจมลง

พอน้ำท่วมเยอะ 
ปั๊มน้ำโดนน้ำเข้าเครื่องช็อต 
ใช้งานไม่ได้
น้ำยิ่งเข้าเรือเร็วขึ้นจนท่วมระบบไฟ 
ไฟดับทั้งลำ

ซึ่งทำให้ทีมกู้ภัยของเบอร์นี่
ที่กำลังเดินทางมาช่วย
หาเรือน้ำมันลำนั้นไม่เจอ
เพราะเรือของเบอร์นี่ 
ที่ฝ่าแรงคลื่นออกมา 
ก็ทำเข็มทิศหายไปด้วย

แต่จะว่าไปก็เหมือนมีโชคช่วย 
เบอร์นี่หาเรือน้ำมันเจอในที่สุด

เรือกู้ภัยที่เบอร์นี่นำมา
รองรับลูกเรือได้สูงสุด 22 คน 
แต่ลูกเรือน้ำมันที่รอดมีมากกว่านั้น

เบอร์นี่ตัดสินใจ
รับลูกเรือไปทั้งหมด 32 คน
โดยบอกว่า 
"ถ้าจะรอดก็ต้องรอดทั้งหมด 
หรือไม่ก็ตายทั้งหมด
จะไม่ทิ้งใครไว้"

ขากลับเรือกู้ภัยน้ำหนักเกิน 
ที่ไม่มีเข็มทิศ
เบอร์นี่ใช้ประสบการณ์และความมั่นใจ
ที่เริ่มกลับมามากขึ้น
ทำให้พากลับถึงฝั่งได้อย่างปลอดภัย 
Happy Ending