วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

The Pianist

The Pianist  : 4 Sep 2015

เห็นชื่อหนังเรื่องนี้ผ่านหูผ่านตาอยู่บ่อยๆ
ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังดี

พอไปเจอแผ่นวางอยู่ในบ้านศศิกร 
ก็ขอก๊อปมาทันใด

อาจเพราะได้ดูหนังแนวๆนี้มาบ้าง
จึงเริ่มมีภูมิต้านทานความหดหู่
ทำให้หลังจากดูจบ 
ความรู้สึกหดหู่ไม่ได้ค้างอยู่มากนัก

ระหว่างดู แค่รู้สึกว่า 
ทำไมมนุษย์จึงฆ่าฟันกันอย่างโหดร้ายทารุณ
การมีคนตายในที่ชุมชนกลับกลายเป็นเรื่องปกติ
และทำไมความเกลียดชังที่ฮิตเลอร์มีต่อชาวยิว
จึงเหมือนปลูกฝังให้ทหารเยอรมันปฏิบัติกับคนยิว
เหมือนกับไม่ใช่คนไปด้วยแบบนี้

เหมือนคนเรา ลึกๆแล้วก็มีความโหดร้ายป่าเถื่อนกันทุกคน
เพียงแค่รอคนยุยงส่งเสริมเท่านั้นเอง

The Pianist เป็นเรื่องจากบันทึก
ของนักเปียโนระดับโลก ชาวโปแลนด์
ที่มีเชื้อสายยิว
Wladylaw Szpilman วลาดิสลาฟ สปิลมัน

เริ่มเรื่องที่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
สปิลมันเล่นเปียโนให้กับคลื่นวิทยุของวอร์ซอร์

ทหารเยอรมันเริ่มเข้ามายึดครองโปแลนด์
ชาวยิวถูกจำกัดพื้นที่
และโดนเกณฑ์ไปใช้แรงงาน

ครอบครัวของสปิลมันถูกส่งขึ้นรถไฟ
ส่วนวลาดิสลาฟมีเพื่อนตำรวจช่วยไว้
จึงมีชีวิตรอด
แต่ก็ไม่ได้พบกับครอบครัวอีกเลย

วลาดิสลาฟพยายามเอาตัวรอดให้มีชีวิตต่อไปให้ได้
เค้าติดต่อขอความช่วยเหลือจากนักร้องชาวโปแลนด์
ที่เข้าร่วมกลุ่มใต้ดินต่อต้านเยอรมัน
และได้รับการช่วยเหลือให้ที่หลบซ่อน

วลาดิสลาฟหลับซ่อนอยู่อย่างอดๆอยากๆ
และได้แต่เฝ้ามองการเข่นฆ่าที่เกิดขึ้นทุกวันๆ

เค้าเห็นเหตุการณ์ที่ชาวยิว
ลุกขึ้นต่อต้านทหารเยอรมัน ซึ่งยิวแพ้
และต่อมาชาวโปแลนด์ก็ลุกขึ้นต่อต้านอีก ซึ่งก็แพ้อีกเช่นกัน

วลาดิสลาฟหนีไปซ่อนอยู่ห้องใต้หลังคาตึกร้างแห่งหนึ่ง
ซึ่งต่อมาทหารเยอรมันใช้เป็นสำนักงานอยู่ช่วงหนึ่ง
ก่อนที่รัสเซียจะเข้ามา

ที่นี่ วลาดิสลาฟ เจอนายทหารของเยอรมัน
นายทหารคนนั้นชื่นชม
ในฝีมือการเล่นเปียโนของวลาดิสลาฟ
จึงปล่อยให้มีชีวิตรอด
และแอบให้ความช่วยเหลือนำอาหารมาส่งให้

ก่อนนายทหารจะถอนกองกำลังไป
วลาดิสลาฟบอกว่า ไม่รู้จะขอบคุณยังไง

นายทหารบอกว่า
ให้ขอบคุณพระเจ้า
ที่เค้ามีชีวิตรอด 
เพราะพระเจ้ายังอยากให้เค้ามีชีวิตอยู่

พร้อมบอกอีกว่า ให้วลาดิสลาฟ
อดทนอีกซักสองอาทิตย์ เค้าก็จะรอดแล้ว

หลังเยอรมันแพ้สงคราม
นายทหารคนนี้ถูกจับไปเป็นเชลย
ในค่ายกักกันของรัสเซีย

ในขณะที่วลาดิสลาฟกลับมาเล่นเปียโน
และมีชื่อเสียงระดับโลก
วลาดิสลาฟได้ข่าวจากเพื่อนนักดนตรี
ว่าเจอนายทหารเยอรมัน
คนที่เคยช่วยเหลือวลาดิสลาฟไว้ ในค่ายกักกัน

แต่วลาดิสลาฟก็มาช่วยไม่ทัน ค่ายถูกย้ายไปแล้ว

สิ่งที่รู้สึกดีที่สุดในหนังเรื่องนี้
ก็คือตอนที่นายทหารเยอรมัน
ให้ความช่วยเหลือวลาดิสลาฟนี่แหละ

ทำให้เห็นว่ายังมีคนส่วนหนึ่ง
ต่อต้านกระแสความโหดเหี้ยม
และยึดคุณธรรมในจิตใจไว้ได้

น่าเสียดาย ที่ในเรื่องจบที่ทิ้งท้ายไว้แบบ
บอกให้รู้ว่านายทหารเยอรมันคนนั้น
เสียชีวิตในฐานะนักโทษของรัสเซีย ในอีกหลายปีต่อมา

ยังดีที่ได้มาเจอข้อมูลจาก blog หนึ่ง
ซึ่งให้ข้อมูลว่า ลูกหลานของวลาดิสลาฟได้พยายาม
บอกให้โลกรู้ว่า นายทหารคนนั้น
ได้ให้การช่วยเหลือคนยิวไว้
และได้รับเกียรติคืนกลับมา

ต้องขอบคุณข้อมูลจาก blog นั้นด้วย
ที่บรรยายรายละเอียด ทำให้เข้าใจขึ้นเยอะมาก
เพราะสำหรับเรา
ที่แทบจะจำประวัติศาสตร์อะไรไม่ได้
ดูแล้วไม่เข้าใจหลายตอนว่าเกิดอะไรขึ้น
หรือนี่มันทหารฝ่ายไหนบ้าง

ดูหนังประวัติศาสตร์แต่ละครั้ง
ก็ปลุกเร้าให้หาอ่านเพิ่มเติม
ติดที่อ่านแล้วก็ลืมทุกที -_-a

หนังที่ดูมาหลายเรื่อง
ถ่ายทอดในมุมที่ทำให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม
และความโหดเหี้ยมที่มนุษย์มีต่อมนุษย์ด้วยกัน

และจากหนังหลายๆเรื่อง
แสดงให้เห็นว่า กระแสโลกมองว่า
ฮิตเลอร์และทหารเยอรมันโหดร้าย
และชาวยิวที่ถูกกระทำนั้นน่าสงสาร

แต่ถ้ามองจริงๆจากภาพรวม
ชาวยิวเองก็เคยทำธุรกิจแบบเห็นแต่ตัวมามากเหมือนกัน
ถ้าจะดูว่าใครดี ใครไม่ดี
ก็ขอให้ดูเป็นคนๆไป
คนเยอรมันที่ใจดีนั้นมี
และคนยิวที่ไม่น่าสงสารนั้นก็มี..


3 ความคิดเห็น: