วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

Inside Out

Inside Out : 19 Aug 2015

ขึ้นแท่นหนังในดวงใจ ไปอีกเรื่องเรียบร้อย
เป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหาเจ๋งที่สุดตั้งแต่ดูมา สำหรับเรา

แค่การ์ตูนเปิดเรื่องก็เจ๋งแล้ว
ลาวาหนุ่มภูเขาไฟระเบิด
ความร้อนปะทุโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร
เค้าร้องเพลงหาคู่คลายเหงาอยู่ทุกวัน

แต่แล้วก็ถึงวันสุดท้ายที่เค้าใกล้จะหมดแรง
โดยที่ไม่รู้ว่าใต้มหาสมุทรมีลาวาหญิง
ได้ฟังเพลงที่ลาวาหนุ่มร้องอยู่ตลอด

พลังความรู้สึกดีต่อเพลงนั้น
ทำให้ลาวาสาวปะทุและโผล่พ้นน้ำขึ้นมา
แต่ผิดทิศทาง ไม่เห็นลาวาหนุ่ม
จนลาวาหนุ่มค่อยๆจมลง

คราวนี้เป็นลาวาสาวที่ร้องเพลงเรียกหาลาวาหนุ่ม
พลังความรักมากพอที่จะทำให้ลาวาหนุ่มปะทุขึ้นมาอีก
และคราวนี้ทั้งคู่ก็พบกันและ happy ending

นั้นแค่การ์ตูนเปิดตัวนะ

ส่วนเรื่องจริงของ inside out เกิดขึ้น
ตอนที่ไรลี่ย์เกิดมาพร้อมกับอารมณ์ร่าเริง
แล้วอารมณ์ เศร้า กลัว เกลียด โกรธ
ก็ค่อยๆตามมา ผลัดกันคอยควบคุมความคิด ความรู้สึก
เพื่อผลักดันเป็นการกระทำของไรลี่ย์

คนทำการ์ตูนตั้งใจทำสิ่งนามธรรม
ที่อยู่กับเรา เป็นตัวตนของเรา
ให้ออกมาเป็นตัวการ์ตูน เป็นรูปธรรมขึ้น
และเข้าใจได้ง่ายขึ้น

เราว่าถ้าใครดูหนังเรื่องนี้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
จะเข้าใจการทำงานของสมอง
เข้าใจปรมัตถธรรม ขันธ์ 5
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ได้มากขึ้น

และทำให้รู้เลยว่า กระบวนการคิด
การตัดสินใจของเรา เกิดขึ้นเพราะอะไร

เด็กหญิงไรลี่ย์ 
เติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุขเป็นส่วนใหญ่
มีครอบครัว พ่อแม่ ที่ดูแลเอาใจใส่
มีมิตรภาพจากเพื่อนๆ มีความจริงใจ
เป็นนักกีฬาฮอกกี้ฝีมือดี
และมีอารมณ์ขัน

ซึ่งนั่นเป็นความทรงจำหลัก 
ที่พัฒนาเป็นบุคลิกภาพของไรลี่ย์

แต่แล้ววันหนึ่งก็เปลี่ยนไป
เมื่อพ่อแม่พาไรลี่ย์ย้ายบ้านเข้าไปอยู่ในเมือง
ความที่บ้านใหม่ไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง
การต้องปรับตัวกับเพื่อนใหม่ที่ยังไม่รู้จัก
รวมทั้งการรับรู้ปัญหาเรื่องงานของพ่อ
กดดันให้ไรลี่ย์เริ่มมีอารมณ์สับสน

Sad เริ่มเข้ามามีอิทธิพลมากขึ้น
Joy อยากให้ไรลี่ย์เติบโตอย่างสดใสร่าเริง
Joy จึงพยายามขัดขวาง Sad ให้อยู่นิ่งๆ

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ชุลมุน
Joy กับ Sad พร้อมกับลูกแก้วความทรงจำหลัก
ถูกดูดออกไปจากศูนย์บัญชาการ

คราวนี้เหลือแต่ Fear , Anger และ Disgust
ที่ทำให้สถานการณ์การปรับตัวของไรลี่ย์
เป็นไปในทางที่แย่ลง

เมื่อความทรงจำหลักหายไป
บุคลิกของไรลี่ย์ก็เริ่มแปรปรวน
ความมีอารมณ์ขันหายไป
ความมุ่งมั่นในการเล่นกีฬา
ความจริงใจ มิตรภาพต่อคนรอบข้าง
ความรู้สึกที่ได้รับความรักจากครอบครัว
ก็ค่อยๆหายไปด้วย

ด้าน Joy ก็พยายามกลับมา
ทำหน้าที่ให้ไรลี่ย์มความสุขอีกครั้ง

Joy กับ Sad หลงเข้าไป
อยู่ในความทรงจำระยะยาว
ต้องผ่านเส้นทางความฝัน/โลกจินตนาการ
จิตใต้สำนึก 
และเกือบโดนทิ้งลงในบ่อขยะแห่งความทรงจำ

แต่ช้างน้อยในจินตนาการตอนเด็กของไรลี่ย์
ช่วยให้ Joy กลับขึ้นมาได้อีกครั้ง 
(ซึ้งจนร้องไห้เลย ตอนนี้ T-T)

ศูนย์บัญชาการที่ไม่มี Joy
สามอารมณ์ที่เหลือพยายามคิดหาทาง
ให้ไรลี่ย์ผ่านพ้นความเจ็บปวด ทุกข์ใจไปให้ได้

Anger เสนอว่า หนทางเดียวที่
จะทำให้ไรลี่ย์มีความสุขอีกครั้ง
คือการกลับไปที่ที่มีความทรงจำเก่าๆ

Anger ทำให้ไรลี่ย์คิดอยากหนีออกจากบ้าน
กลับไปที่บ้านหลังเก่า
และไรลี่ย์ยอมรับความคิดนั้น
ขโมยบัตรเครดิตแม่ แล้วขึ้นรถบัสไป

เมื่อ Joy กลับมาศูนย์บัญชาการได้
ก็คิดหาทางช่วยไรลี่ย์กลับมา
Joy บังเอิญเห็นภาพจากอดีต
ของความทรงจำหลักอันหนึ่ง
ที่ไรลี่ย์แพ้ฮอกกี้
แล้วไรลี่ย์เศร้า แล้วมีเพื่อนๆเข้ามาปลอบ
พ่อแม่ก็เข้ามาโอบกอดอย่างเข้าใจ

Joy เคยเห็นแต่มุมที่ไรลี่ย์มีความสุขจากเรื่องนี้
แต่พึ่งได้รู้ว่า ก่อนจะสุขไรลี่ย์ผ่านอารมณ์เศร้ามาก่อน

ครั้งนี้ Joy ปล่อยให้ Sad ปฏิบัติหน้าที่
ให้ไรลี่ย์เศร้า จนอยากกลับมาหาพ่อกับแม่

เมื่อไรลี่ย์กลับมาก 
สารภาพความรู้สึกที่ทำให้หนีออกจากบ้าน
พ่อกับแม่ก็ไม่ว่ากล่าว แต่กลับกอดกันอย่างเข้าใจ

หลังจากนั้น ไรลี่ย์ก็ค่อยๆปรับตัว
กลับมาเป็นคนที่มีความสุข สดใส ร่าเริง
พัฒนาบุคลิกภาพขึ้นมาได้อีกครั้ง 
happy ending

ชอบที่หนังถ่ายทอดกระบวนการทำงานของสมอง
ออกมาเป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจนดี

แต่ละคนถูกควบคุมด้วยอารมณ์
ตัดสินใจ แสดงออกโดยมีอารมณ์เป็นสิ่งเร้า
แต่ละวัน เรามีลูกแก้วอารมณ์เกิดขึ้น
มากมายหลายลูก
เป็นประสบการณ์ระหว่างวัน

เมื่อเรานอนหลับและฝัน
ประสบการณ์ระหว่างวันจะถูกจัดเก็บ
เข้าความทรงจำระยะยาว
แต่ก็มีบางความทรงจำที่ไม่ค่อยได้ถูกดึงมาใช้
ค่อยๆลืมเลือนหายไป
เป็นเพียงขยะของความทรงจำ

ประสบการณ์ระหว่างวัน ความทรงจำระยะยาว
ความฝัน และจินตนาการ
รวมกันเป็นข้อมูลในจิตใต้สำนึกที่ลึกลับซับซ้อน
เหล่านี้ ล้วนก่อให้เกิดบุคลิกภาพเฉพาะตัว
และการตัดสินใจต่อสถานการณ์ต่างๆ

แล้วการ์ตูนยังแสดงให้เห็นด้วยว่า
แต่ละคน มีอารมณ์ที่เป็นใหญ่
ที่เป็นตัวคอยควบคุม แตกต่างกัน
อย่างไรลี่ย์จะมี Joy ควบคุมเป็นหลัก
ชีวิตโดยรวมก็ดูเป็นคนสดใส ร่าเริง
พ่อมี Anger ควบคุมเป็นหลัก
ก็ค่อนข้างจะหุนหัน แสดงความโกรธออกมได้ง่าย
แม่มี Sad เป็นหลัก ก็มีความเศร้า
แต่ก็เข้าใจอะไรๆได้อย่างลึกซึ้ง


Wild

Wild : 21 Aug 2015

ดูเพราะศศิกร :)

เป็นเพราะเราได้ดู into the wild มาก่อน
ระหว่างดูเรื่องนี้ จึงคิดเปรียบเทียบกัน
จะว่าไปเราว่าก็คล้ายๆจะเอาไอเดีย
จาก into the wild มาทำใหม่
และปรับบทให้กลายเป็น version ผู้หญิงแหละ

เป็นเพราะดู into the wild ก่อน
และ into the wild มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง
เลยทำให้ประทับอยู่ในใจได้มากกว่า
หลังจากเปรียบเทียบแล้ว
ยังรู้สึกชอบ into the wild มากกว่า

เชอริล มีพ่อขี้เมา เมาแล้วตบตีแม่
แต่แม่ก็ยังทำหน้าที่แม่และเมียต่อไป
จนพ่อตาย (มั้ง)
แม่ก็ยังคงเป็นแม่ที่ดีสำหรับเชอริลและน้องชาย

เราดูแล้ว งง มาก ว่า เชอริลมีแม่ดีขนาดนี้
แล้วทำไมเชอริลยังใช้ชีวิตวัยรุ่นแบบ เสเพล
มีเซ็กซ์กับทุกคนที่ร้องขอ

แม้กระทั่งตอนที่มีสามีแล้ว
แล้วสามีก็รักเชอริลมากด้วยนะ
เหมือนชีวิตน่าจะดี แต่ก็กลับแย่ลงทุกวัน

หนังเล่าปมในใจ มาแค่นั้น
นอกจากพ่อขึ้เมา ที่แย่แล้ว
ทุกคนรอบตัวเชอริลก็ดีหมด
แม่ สามี และเพื่อน
งั้นก็คงต้องตีความเอาว่า
ความฝังใจเรื่องพ่อในวัยเด็ก
ทำให้เชอริลเลือกใช้ชีวิตไปในทางที่แย่
ซึ่งเราคิดว่า แรงจูงใจมันไม่ได้มากพอเลย...

หลังจากแม่ตายด้วยโรคมะเร็งไขสันหลัง
ชีวิตเชอริลยิ่งจมดิ่งลงไปอีก
นอกจากมีชู้ มั่วเซ็กซ์แล้วยังติดยา

เราไม่รู้ (หรือไม่ทันได้สังเกต)
ว่าอะไรคือจุดเปลี่ยน 
อะไรจุดประกายให้เชอริลหักดิบ
เลิกทุกอย่าง

แต่คิดเอาว่า น่าจะเพราะสามีนางขอหย่า
ชีวิตนางจึงไม่เหลือใครให้เป็นหลักอีกต่อไปแล้ว
ซึ่งเราว่ามันก็สมควรนะ!!
มีสามีดีๆ ไม่ชอบ ยังจะมั่วไม่เลือกอีกนิ่

เชอริลเตรียมของมากมาย
เพื่อให้พร้อมสำหรับการเดินป่า
เราเห็นแล้วหนักแทน
สงสัยว่านางจะแบกสิ่งเหล่านี้ไปได้ซักกี่น้ำ
นางเดินป่าเพื่ออะไร??
ยังจะหวังความสะดวกสบายในป่าเหรอ?? 
ขนเยอะขนาดนี้

แต่ก็นั้นแหละ หนทางระหว่างป่า
ก็เริ่มสอนให้เชอริลได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง

การแบกของหนัก ทำให้เชอริลรู้ว่า
ต้องทิ้งบางอย่างออกไปบ้าง
การเอาชนะความกลัว
เอาชนะความหวาดระแวงต่อคนรอบข้าง
ความเงียบทำให้เชอริลยินเสียงคำสอนของแม่ได้ชัดเจนขึ้น
และมีเวลาเพื่อพิจารณาคำสอนของแม่ได้มากขึ้น

เราชอบคนที่เป็นแม่มาก
แม่ที่ร่าเริง แม้จะมีชีวิตที่กดดันแค่ไหน
แม่ที่เข้าใจลูก

เราชอบสิ่งที่แม่สอนเชอริล หลายๆตอน
ซึ่งนั้นทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า
เราดูหนังสองชั่วโมง
คำสอนของแม่ในเรื่อง 
สะกิดใจให้เราจดจำได้จนถึงตอนนี้

แต่เชอริลมันอยู่กะแม่มาทั้งชีวิต
ทำไมไม่รู้จักซึมซับค
วามมองโลกในแง่ดีมาจากแม่บ้างวะ?? 5555

ตอนนึงที่เชอริลเจอแม่ที่โรงเรียน
เชอริลอายที่แม่กับลูกเรียนที่เดียวกัน
แต่แม่ก็เข้าใจที่ลูกอาย
และแม่ก็ยังคงจะเรียน
เพื่อหาความรู้อย่างที่ต้องการต่อไป

แม่บอกเชอริลว่า
แม่ทำหน้าที่เมีย และเป็นแม่มาตลอด
ไม่เคยได้ควบคุมชีวิตตัวเองเลย
เพราะคิดว่ายังมีเวลาอีกมาก
แม่บอกให้เชอริลหาตัวตนของตัวเองให้เจอ
และให้คงความเป็นตัวของตัวเองไว้

เชอริล เคยถามแม่ว่า
ทำไม แม่ถึงรับได้ที่มีลูกเจนโลกขนาดนี้
แม่บอกว่า แม่อยากให้ลูกมีประสบการณ์มากกว่าที่แม่เคยมี

แม่มักจะร้องเพลงและเต้นไปรอบๆบ้าน
เชอริลถามแม่ว่า แม่จะมีความสุขอะไรนักหนา
แม่บอกว่า ก็มีความสุขดีนิ่
เชอริลบอกว่า มีผัวขี้เมาเนี่ยนะ มีความสุข?
แม่บอกว่า ถึงผัวจะขี้เมา
แต่ก็ทำให้ลูกทั้งสองคนของแม่เกิดมา
แม่มีความสุขเพราะเรื่องนี้

ทั้งหมดนี้ เชอริลบอกว่า
กว่าจะเข้าใจคำสอนของแม่
กว่าจะเป็นผู้หญิงอย่างที่แม่อยากให้เป็น
ก็ต้องใช้เวลาถึง 4 ปีกว่า หลังจากแม่ตายไป

และหลังจากเดินป่า
ด้วยความยากลำบากมา 100 กว่าวัน (มั้ง)

ในตอนท้าย เมื่อเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง
เชอริล รู้สึกขอบคุณสิ่งที่ผ่านมา
ชีวิตที่ผ่านมาของเชอริล
เป็นสิ่งผลักดันให้เชอริลมายืนอยู่ ณ จุดนี้
ถึงย้อนเวลากลับไปได้ 
เชอริลก็เลือกที่จะมีชีวิตแบบเดิมอยู่ดี

--ถ้าเราพอใจกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ในตอนนี้
เราก็ควรขอบคุณทุกสิ่งที่เราเคยเป็น ด้วย
ไม่ว่าอดีตมันจะเลวร้ายแค่ไหน
แต่ก็ไม่ได้ร้ายจนทำลายชีวิตคนคนนึงได้
มันกลับเป็นพลังให้เราเรียนรู้และเติบโตขึ้นต่างหาก—

    จากหนังบอกว่า 
    “ไม่มีทางที่เราจะรู้ว่าทำไมสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น
      แต่ไม่ใช่อีกสิ่งหนึ่ง
      เส้นทางไหนจะนำไปสู่อะไร 
      สิ่งไหนจะทำลายอะไร
      หรือสิ่งไหนจะทำให้เราเติบโตหรือตาย
      หรือต้องเปลี่ยนเส้นทาง”

ดูจบแล้ว ถ้าให้คิดควบคู่กัน 
ระหว่าง wild กับ into the wild

สำหรับ into the wild แรงจูงใจของคริส
มาจากความเบื่อ เบื่อสังคม เบื่อวัตถุนิยม
จึงอยากลองใช้ชีวิตแบบ “ไม่มีอะไร”

แต่ wild แรงจูงใจของเชอริล
เกิดมาจากความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นภายใน
เข้าป่าเพื่อลงโทษตัวเอง
และจะได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากความรู้สึกผิดนั้น

พ่อแม่ของคริส ที่คนภายนอกมองว่าดูดี
แต่ความจริงความสัมพันธ์ภายในนั้นแย่
ในขณะที่แม่ของเชอริลมีทัศนะคติที่ดี
แต่เชอริลกลับไม่เห็นคุณค่ามัน ตอนที่แม่ยังอยู่

สิ่งที่คริสได้เรียนรู้ 
รวมทั้งคนแต่ละกลุ่มที่คริสได้ไปเจอ
ล้วนทำให้คริสได้มุมมองใหม่ๆ
และมีความสัมพันธ์ที่ดีและอ่อนโยนด้วย
แต่เชอริล คงด้วยความที่เป็นผู้หญิง
ภัยนั้นมีรอบด้าน
ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
จึงเริ่มด้วยความหวาดระแวง และระวังตัว
แต่ก็มีบางกลุ่มที่ชื่นชม
ความเป็นหญิงแกร่งของเชอริล

สุดท้ายแล้ว ก็แล้วแต่จริตใครจริตมัน
ว่าใครจะชอบเรื่องไหนมากกว่า
สำหรับเรา เราอินกับ into the wild มากกว่า
เพราะเรามีความรู้สึกหลายๆอย่างเหมือนกันกับคริส
ความเบื่อโลกทุนนิยม
และเราก็ชอบความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ
ในแบบของคริสมากกว่าด้วย

ตอนดู wild เราสงสัยในใจตลอด
ว่าอะไรทำให้เชอริลตัดสินใจเข้าป่า
ทำไมเชอริลจึงคิดว่าการเข้าป่า
จะช่วยให้เชอริลให้อภัยตัวเองได้
เราไม่เข้าใจ

ทุกวันนี้ เวลาที่เราจะทำอะไร
เราก็จะถามตัวเองว่า “ทำเพื่ออะไร??”
ถ้าจะเข้าป่า คงเพราะอยากพบเจอสิ่งใหม่ๆ
ได้สัมผัสกับธรรมชาติ
และได้พูดคุยแลกเปลี่ยน
กับเพื่อนและคนอื่นๆในบรรยากาศดีๆ
ไอ้ที่จะคิดว่า 
เข้าป่าเพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดตัวเองนั้น คงไม่
เพราะมีหลายทางที่พัฒนาตัวเองได้
เราเลือกทางที่สบายใจมากกว่า ดีกว่า

--บางคนเลือกทำตามความตั้งใจ
เพราะตั้งใจแล้วว่าจะทำ
บางคนเปลี่ยนความตั้งใจใหม่
เพราะรู้ว่ามีหนทางที่ง่ายกว่า
ในการเรียนรู้ชีวิต..--


Hitman agent47

Hitman agent47 : 26 Aug 2015

ก็กะไว้อยู่แล้วว่า
คงไม่มีเนื้อหาสาระอะไรให้เขียนมากนัก
แต่ที่ดูเพราะอยากดูฉากบู๊
แบบเนี๊ยบๆนิ่งๆ ท่าสวยๆ
ขยับหน่อยนึงศัตรูตาย สูทไม่ทันยับ ไรงี้

แล้วก็ไม่ผิดหวัง
พระเอกตัวยาวๆ ไม่ล่ำมาก 
จัดกระบวนท่าต่อสู้ได้เนี๊ยบจริง ชอบบบบ

จำได้ว่าเมื่อหลายปีที่แล้ว 
เคยดูเรื่อง hitmanนี่แหละ
จำได้ว่าหนุกดี
แต่พระเอกไม่ใช่คนนี้
ไม่รู้ remake หรือเนื้อเรื่องใหม่

รู้แต่ว่าเป็นหนังที่สร้างมาจากเกมส์
และคงจะเป็นเพราะสร้างจากเกมส์
ทำให้พระเอกแม่งฆ่าโหด
เก็บฝ่ายตรงข้ามทุกคน
ด้วยวิธีที่เลือดสาดกระจาย

จนทีแรกอดคิดไม่ได้ว่า
หรือว่าเรื่องนี้ Agent47 มันเป็นตัวโกงวะ
ทำไมฆ่าอย่างไม่มีจิตใจ
แห่งความปราณีเหมือนพระเอกทั่วไปเลย 5555

แต่หนังก็บอกเหตุผลแหละ
ว่า Agent ถูกสร้างมาให้ไม่มีความรู้สึก
รัก โกรธ เกลียด กลัว อะไร
เพื่อความเป็นนักฆ่าที่สมบูรณ์แบบ

หนังเริ่มเรื่องโดยเล่าความเป็นมา
ของการสร้างมนุษย์ Agent ขึ้นมา
โดยตัดต่อสารพันธุกรรมให้แข็งแรงขึ้น
เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น

แต่แล้วโครงการก็ล้มไป
เพราะนักวิทยาศาสตร์
เริ่มควบคุมมนุษย์กลายพันธุ์ที่สร้างขึ้นไม่ได้

หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ต้องหลบหนีไปซ่อนตัว
เพราะแก๊งค์ก่อการร้าย ซินดิเคท 
(ชื่อเดียวกะแก๊งค์ใน MI5 เป๊ะ)
ต้องการให้หัวหน้ากลับมาสร้าง Agent ให้อีกครั้ง
เพื่อสร้างกองทัพนักฆ่า สำหรับก่อการร้าย

เคลิก หัวหน้าซินดิเคทให้จอห์น
มนุษย์หุ้มเกราะ ออกสืบหาคาเทีย 
ลูกสาวของหัวหน้านักวิทย์
หวังใช้คาเทียเป็นตัวล่อให้หัวหน้านักวิทย์ออกมา

แต่ Agent47 ก็เข้ามาช่วยคาเทียไว้
และบอกให้คาเทียรู้ว่า 
คาเทียก็โดนตัดต่อยีน เหมือนกัน
แถมมีสมรรถนะสูงกว่าด้วย ตั้ง level 90

Agent47 พาคาเทียมาเจอพ่อ
พร้อมๆกับที่ เคลิกก็ตามมาเจอ
และจับตัวพ่อไป คาดคั้นเอาสูตรผลิตมนุษย์ Agent
แต่พ่อไม่ยอมบอก
และสุดท้าย พ่อก็ยอมระเบิดตัวเองตายไปพร้อมๆกับเคลิกด้วย
เพราะหวังว่าคาเทียจะได้ไม่ต้องโดยซินดิเคทตามล่าตัวอีก

ตอนจบมี Agent48 โผล่มา
หน้าเหมือน Agent47เดี๊ยะ
คงมีไว้ให้คนดูเดาว่า
ภาคหน้าอาจได้เห็นการต่อสู้
ระหว่าง Agent47 กับ Agent48

เอ๊ะ!! หรือจะเอา Agent47 ไปรวมกับอีธานใน MI6 ดีนะ
ชื่อองค์กรผู้ก่อการร้ายเดียวกัน ปูทางไว้แล้วนิ่??

ประโยคหนึ่ง ที่หนังเรื่องนี้ย้ำถึงสองครั้ง
คือ “เราตัดสินสิ่งที่เราเป็น จากสิ่งที่เราทำ”
ครั้งแรกตอนคาเทียพูดกับพ่อ เพื่อบอกให้พ่อรู้ว่า
ถึงคาเทียจะถูกตัดต่อยีน
แต่ก็ยังมีความรู้สึกนึกคิด
และเลือกได้ว่า จะทำอะไร อย่างไร
กับอีกตอนที่ Agent47 ย้ำกับคาเทีย
อาจจะเพื่อบอกให้รู้ว่า Agent47 ก็ยังมีหัวใจ
มีความรู้สึกอยู่เหมือนกัน..