วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558

The Martian 2015

The Martian2015  : 7Oct2015

เห็นทีเซอร์รอบแรกๆก็ยังเฉยๆ
ว่าจะไม่ดู แต่พอดูหลายรอบ 
ชักน่าสนใจแฮะ

พอดูแล้ว สนุกและได้ใจกว่าที่คาด :)

นักบินนาซ่า 6 คน 
กำลังสำรวจดาวอังคาร
แต่ก็เกิดพายุรุนแรง
โดยไม่ได้คาดการณ์ไว้

หัวหน้าทีมนักบินสั่งอพยพ

ขณะพากันเดินฝ่าลมพายุ
กลับมายานแมฟ
ก็เกิดอุบัติเหตุกับ มาร์ค วัทนีย์
เสาอากาศเสียบทะลุชุดอวกาศ

ณ สภาพเวลานั้น 
คือมองหามาร์คก็ไม่เห็น
แถมกดดันด้วยเวลา 
ถ้าช้าก็จะพากันตายทั้งหมด

คนในทีมที่เหลือ 
เชื่อว่ามาร์คตายแล้ว
จึงพากันกลับขึ้นยาน
และเดินทางกลับโลก

พักนึง มาร์คก็ฟื้นขึ้นมา 
เจ็บปวดกับบาดแผลแต่ก็ทนแข็งใจ
เดินกลับมาที่แฮฟ 
ถอดชุดดึงเหล็กออกและเย็บแผลเอง

ดูแล้วหวาดเสียว สมจริงมากกกก

เมื่อเลือดหยุด มาร์คตั้งสติแล้วคิดว่า
จะมีชีวิตต่อไป
จนกว่า แอริส4 จะกลับมา
สำรวจดาวอังคารอีกครั้ง 
ประมาณ 4 ปีข้างหน้า (มั้ง)

เค้าเริ่มสำรวจอาหารที่มีอยู่
ซึ่งอาหารที่มีก็ไม่ได้เพียงพอ
ที่จะอยู่นานขนาดนั้น

แต่เค้าก็มีความหวังและมั่นใจ
เค้าบอกต่อหน้ากล้องบันทึกว่า
เค้าจะใช้ความเป็นนักพฤกษศาสตร์ของเค้า
พลิกดินดาวอังคาร
ให้เพาะปลูกพืชพันธุ์ได้ ให้ได้

มาร์คขนดินเข้ามาทำแปลงในครัว
และลงมือปลูกมันจากหัวมันฝรั่งที่มีอยู่

ตอนเราเห็นมาร์ค
เอาน้ำกินตัวเองมารดหัวมัน
เราคิดในใจว่า 
“นี่ขนน้ำมาเตรียมปลูกต้นไม้กันด้วยเหรอ?”

คิดจบได้ไม่นาน 
มาร์คก็คิดเรื่องน้ำเหมือนกัน

เออ..ดูแล้วชอบใจ
ที่หนังตอบคำถามในใจเราได้

มาร์คใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์
ผลิตน้ำเอง
ซึ่งทีแรกก็คำนวณค่า O2 ผิด 
จนระเบิดใส่ตัวเองมาแล้ว

แต่สุดท้ายก็ปลูกหัวมันได้สำเร็จ 
ออกผลกินได้จริง

ขั้นต่อไปมาร์คเริ่มคิดว่า
ถ้าแอริส4 มาสำรวจ mars รอบหน้า
จะลงจอดตรงไหน
และเค้าจะไปให้ถึงจุดนั้นได้ยังไง

เค้าซ่อมโรเจอร์
และทดลองเพื่อให้อยู่ในโรเจอร์
เวลากลางคืนที่หนาวมากๆให้ได้

มันน่าสนุกดี 
ตรงที่ต้องค่อยๆแก้ปัญหาไปทีละอย่างๆ 
คนดูเอาใจช่วยตาม :)

ผ่านมาหลายสิบวัน คนที่นาซ่า
เริ่มสังเกตเห็นว่า 
ยังมีความเคลื่อนไหวบนดาวอังคาร
แต่ก็ยังติดต่อกันไม่ได้

มาร์คใช้เวลาที่มีสำรวจดาวอังคารเพิ่มเติม
และเค้านึกได้ว่า 
เคยมีชิ้นส่วนดาวเทียมเก่าตกอยู่ (มั้ง)

มาร์คกู้ซากนั้นขึ้นมาซ่อม
เพื่อใช้สื่อสารกับคนบนโลก

แต่ดาวเทียมนั้นก็เก่าเกิน
สื่อสารได้โดยภาพจึงตอบโต้กันยาก
ซึ่งมาร์คก็ต้องหาวิธีสื่อสารให้ได้อีกแหละ

นาทีที่มาร์คสื่อสารกับคนบนโลกได้
เราเองยังตื้นตันจนน้ำตาไหล

ดีใจไปกับมาร์คด้วย

คนเราจะรู้สึกอย่างไรเวลาที่เหมือนไม่มีตัวตน
ไม่มีใครรับรู้ การมีอยู่ของเรา
ดังนั้น นาทีนั้นจึงมีคุณค่ามาก
การได้สื่อสารกันทำให้รู้สึกอุ่นใจ
แม้จะยังไม่มีวิธีช่วย
ให้กลับไปบนโลกได้ ในตอนนี้ก็ตาม

องค์การนาซ่าเอง 
ก็คิดหาทางช่วยมาร์คให้ได้

แม้ส่วนหนึ่งที่ช่วย
ก็เพราะกลัวประชาชนจะต่อต้าน
แต่ทุกฝ่ายก็ร่วมมือกัน
ส่งจรวดขนเสบียงไป

แต่เกิดผิดพลาด ระเบิดกลางอากาศ
เพราะข้อจำกัดของเวลา 
เมื่อเสียเวลาสูญเปล่าไปมาก
ถ้าจะเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น
มาร์คคงตายไปก่อนแล้ว

พร้อมๆกันนั้น 
ทางด้านมาร์คเองก็ประสบเหตุลมแรง
ทำให้ข้อต่อของแฮฟขาดออกจากกัน
และแปลงปลูกมันก็เสียหายทั้งหมด

มาร์คต้องซ่อมยาน
และคิดหนักว่าจะเอาอะไรกิน

เค้าต้องลดอาหารตัวเองลงสี่ส่วน

ถึงตอนนี้เราคิดในใจอีกแล้วว่า
กินแต่หัวมัน 
แต่กล้ามเนื้อพี่แมตเดม่อน ยังอยู่เต็มๆ
เอาโปรตีนที่ไหนมาสร้างกล้ามเนื้อวะ

แล้วซักพักหนังก็ถ่ายมาร์คแก้ผ้าเห็นตูด
ให้เห็นว่ามาร์คผอม
แทบจะเป็นหนังหุ้มกระดูกแล้ว

เฮ้ย!! หนังตอบคำถามในใจ
ได้อีกแล้ว..ชอบๆๆ

สุดท้ายแล้ว มีนักวิทย์โนเนม 
แนะนำให้นักบิน 5 คน
นำ Hermes อ้อมโลก
ให้แรงดึงดูดโลก
เหวี่ยงยานกลับไป Mars อีกครั้ง
เพื่อกลับไปรับมาร์ค

ซึ่งนักบินทั้ง 5 
ก็ยอมกลับบ้านช้าลงหลายปี 
เพื่อไปรับมาร์คกลับมา

แต่ละขั้นตอนที่กลับไปรับมาร์ค 
และที่มาร์คเดินทางให้ถึงจุดนัดพบ
มีอุปสรรคเกือบทุกขั้นตอน

ก็ต้องค่อยๆหาทางแก้ไขกันไป
ซึ่งแต่ละครั้ง รู้สึกว่าชีวิตมันเสี่ยง
พลาดนิดเดียวก็จบเลย
ตายไม่ต้องลุ้นต่อ

แต่สุดท้ายในเมื่อรอดมาได้จนป่านนี้
ก็สามารถรับตัวมาร์คกลับได้อย่างปลอดภัย 
Happy Ending


The Best of Me

The Best of Me : 10Oct2015

ดูเพราะเคยเห็นคำคมจากหนังเรื่องนี้
มันดูมีความหมายดี

แต่ดูแล้วก็งั้นๆ ไม่มีอะไรให้อิน

เรื่องราวของเด็กหนุ่ม ดอสัน โคลด์
ที่เติบโตมาในครอบครัวที่ย่ำแย่
พ่อกับพี่ๆ ติดยา 
เปิดบ้านเป็นแหล่งมั่วสุม

แต่เค้ากลับแตกต่างจากคนอื่นๆในบ้าน
ฉลาดเรียนดี

วันหนึ่ง เค้าทนความกดดันจากพ่อไม่ไหว
เค้าหนีออกจากบ้าน
ไปแอบนอนในโรงรถของลุงคนหนึ่ง

เช้ามาลุงมาเจอ 
พอรู้ว่าดอสันเป็นลูกใคร
ลุงเลยให้พักอยู่ด้วย 
ปกป้องและดูแลดอสันเหมือนเป็นลูกตัวเอง

ดอสันเจออแมนด้า 
สาว สวย รวย สดใส จริงใจ

ดอสันตกหลุมรัก 
และอแมนด้าเองก็สนใจ
ถึงดอสันจะเจียมเนื้อเจียมตัว 
แต่อแมนด้าก็ไม่ถือตัว

ทั้งคู่คบกันอย่างจริงใจและมีความสุขดี

จนกระทั่ง พ่อมารุมทำร้ายลุง
ดอสันโกรธจัด ถือปืนไปเอาเรื่องพ่อ
แล้วปืนพลาดไปโดนเพื่อนตาย

ดอสันต้องติดคุกหลายปี
และตัดสินใจตัดขาดจากอแมนด้า

อแมนด้าเองก็พยายาม 
มาหาทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทุกปี
แต่ดอสันก็ไม่ยอมออกมาเจอ

จนอแมนด้าถอดใจไปเอง 
แล้วแต่งงานมีลูกสองคน

ดอสันออกจากคุก
และไปทำงานแท่นขุดเจาะน้ำมัน (มั้ง)

แต่แล้วทั้งดอสันและอแมนด้า
ก็ได้ข่าวการตายของลุง
พินัยกรรมระบุให้ทั้งคู่
ไปจัดการทรัพสินที่ลุงทิ้งไว้

ทั้งคู่ได้เจอกันอีกครั้ง
ความทรงจำหวานๆของทั้งคู่กลับมา
จนเผลอมีความสัมพันธ์กัน

ที่ไม่ชอบที่สุดของหนังก็ตรงนี้
ที่ถึงทั้งคู่จะยังรักกัน 
แต่การทำแบบนี้ก็เท่ากับเป็นชู้กัน

หนังบอกให้รู้อยู่เหมือนกัน 
ว่าอแมนด้ากับสามี
ก็ไม่ได้รักผูกพันหวานชื่นอะไรกันนัก

แต่ก่อนจะมีอะไรกับผู้ชายอีกคน
ก็ไปบอกเลิกกับสามีก่อนดีกว่ามั้ย??

ดอสันและอแมนด้าแยกย้ายกันไป

ลูกชายอแมนด้าประสบอุบัติเหตุ
ต้องการเปลี่ยนถ่ายหัวใจ

พอดีกับที่ดอสันโดนพ่อยิงตาย
หัวใจของดอสัน
จึงถูกเอามาเปลี่ยนให้ลูกชายอแมนด้า

ดอสันเคยบอกกับอแมนด้าว่า
ตั้งแต่ที่เค้าได้รักอแมนด้า
เค้าก็รักใครไม่ได้อีก

จนตอนนี้ที่เค้าตายไป 
โดยหัวใจของเค้า
ที่รักอแมนด้าคนเดียวมาตลอด
ได้ไปอยู่กับลูกชายที่อแมนด้ารักมากที่สุด

ถ้าความรู้สึกเกิดขึ้นที่หัวใจจริง
หัวใจดอสันคงมีความสุขแล้ว
ที่ได้รัก และได้รับความรัก
จากอแมนด้าอย่างเต็มหัวใจ..