วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559

Steve Jobs 2016

Steve Jobs 2016 : 27 Jan 2016

ก็นึกว่าจะเป็นหนังสไตล์อัตชีวประวัติธรรมดา
ที่ดูแล้วอาจได้แรงบันดาลใจ
หรือแรงผลักดันอะไรบางอย่าง

แต่นี่เข้าไปดูคนเถียงกันทั้งเรื่องชัดๆ
นอกจากจะอ่านซับไม่ทันแล้ว
ยังรู้สึกเครียดตามหน่อยๆ
เถียงกันทั้งเรื่องจริงๆนะ..

หนังเล่าถึงช่วงเวลาก่อนขึ้นเวที
พรีเซ้นซ์ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ล
ที่จ็อบส์บรรจงสร้าง

ทั้งหมดสามครั้ง ซึ่งสองครั้งแรก 
มันล้มเหลว
ทำยอดขายได้ไม่ดีนัก

เราไม่เข้าใจตรงที่ทำไมก่อนขึ้นเวที
จ็อบส์ต้องพบปะคนพวกนั้นเพื่อถกเถียงกันด้วย
หรือความเครียดเป็นแรงผลักสำหรับเค้า??

เราตีความเอาเองว่า
หนังต้องการให้เราเห็นบุคลิกของจ็อบส์
ที่โผงผาง โคตรจะขวางโลก
คิดไม่เหมือนคนอื่น
แล้วยังไม่เคยฟังความคิดเห็นคนอื่นอีก

ซึ่งนิสัยแบบนี้
กับคนที่เข้าใจ ก็จะรักเลย
แต่กับคนที่ไม่เข้าใจก็จะเกลียดเลยเหมือนกัน

การคิดไม่เหมือนคนอื่น ถือเป็นพรสวรรค์
ที่พิเศษของจ็อบส์
แต่การไม่รับฟังคนอื่น
ก็กลับเป็นจุดอ่อนที่สร้างศัตรูไว้เช่นกัน

เราดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจว่าใครอยู่ฝ่ายไหน
และใครจริงใจกับจ็อบส์บ้าง

รู้แต่เคทที่อยู่ข้างๆจ็อบส์มาตลอด
ถึงจะเถียงกันแต่ก็เต็มไปด้วยความปรารถนาดี

แต่กับบอสที่เป็นนายทุน
กับเพื่อนที่เคยร่วมทีมกันมา
กับลูกน้องที่ทำงานตามความต้องการของจ็อบส์
เราฟังไม่เข้าใจ ดูไม่ออกว่าใครบ้างที่เป็นเพื่อนแท้
หรือใครแค่หวังผลทางธุรกิจ

นอกจากเรื่องงาน ยังมีเรื่องครอบครัว
เราว่าจ็อบส์ โหดร้าย ทำร้ายจิตใจเด็กมาก
ที่พูดผลักไส ซาร่าแบบนั้น

ถึงจะเกลียดแม่ 
ถึงจะไม่แน่ใจว่าใช่ลูกสาวตัวเองมั้ย
ก็ไม่น่าทำกับเด็กแบบนั้น
ซึ่งตอนหลังจ็อบส์ก็แสดงออกแหละว่ารักลูก

จ็อบส์สารภาพว่า
เพราะจ็อบส์เอง
มีประสบการณ์ตอนเด็กมาไม่ดีเท่าไหร่
จึงไม่กล้ายอมรับว่า ซาร่าเป็นลูก

เราเองเข้าใจว่า เพราะจ็อบส์ถูกทำร้ายจิตใจ
ถูกเลี้ยงดูมาอย่างผิดๆ
ถึงทำให้จ็อบส์มีนิสัย
ที่ไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่นๆ

ชอบตอนนึงที่เคทมาบอกเรื่องปกหนังสือไทม์
ว่าที่จริงแล้ว จ็อบส์เข้าใจผิดไปเอง

สิ่งที่จ็อบส์รับรู้ คือ “ความจริงที่ถูกบิดเบือน”

---ถ้าเรามองสิ่งหนึ่งด้วยใจแบบหนึ่ง
เราก็จะเห็นมันในมุมหนึ่ง
แต่ถ้าเรามองด้วยใจอีกแบบ
ก็จะเห็นมันในมุมที่ต่างออกไป
แม้จะเป็น “ความจริง” แต่ก็ไม่ได้มีมุมเดียว---

เอาจริงๆ ดูจบแล้วนึกสงสารพี่จ็อบส์
เหมือนชีวิตยังไม่เคยมีความสุขเลย
ถูกพ่อแม่แท้ๆยกให้พ่อแม่อุปถัมป์

ความฝังใจ ความคิดว่าตัวเองต้อยต่ำ
ทำให้ต้องถีบตัวเอง ขวนขวายเอาชนะตลอด
จนเริ่มประสบความสำเร็จด้วย iphone
ก็มาเป็นมะเร็งและจากไปอย่างรวดเร็ว

ถ้าชีวิตจ็อบส์ เป็นเหมือนในหนังจริง
เราหวังว่าก่อนตาย พี่เค้าจะระลึกถึง 
ช่วงชีวิตที่มีความสุขได้บ้าง

หวังว่าชาติหน้า พี่เค้าจะมีความสุขมากขึ้น
การเป็นอัจฉริยะก็สามารถมีความสุขได้

พี่เลือกได้นะ..

เราทุกคนก็เลือกได้เช่นกัน..

Life of Pi 2012

Life of Pi : 29 Jan 2016

มีคนมาดูหนังด้วย 
แต่ไม่มีหนังมาด้วย
เลยรื้อหนังเก่าๆที่มีอยู่มาดู

เคยผ่านตามาบ้างว่า
มีคนชมว่า life of pi เป็นหนังดี
แต่ก็ไม่รู้แนวหนังเลย
กลัวเหมือนกันว่า
จะเป็นหนังดีที่ดูแล้วง่วงนอน..

แต่พอเปิดดูแล้ว
มันตื่นตาตื่นใจกับความสวยของภาพ
สิงห์สาลาสัตว์ ทะเล ท้องฟ้า 
พระอาทิตย์ตก สวยงามจริงๆ

เราว่าแค่นั้นก็ดึงดูด
ให้เราดูจนจบได้แล้ว

เป็นหนังที่เล่าเรื่องชีวิตที่น่าสนใจ
จากชายชาวอินเดียที่ชื่อ Pi

พ่อของเค้ามีสวนสัตว์ 
แม่เป็นนักพฤษศาสตร์

ตอนเด็ก Pi แอบเข้าไปให้อาหารเสือ
แต่พ่อก็เข้ามาห้าม
และแสดงให้ Pi เห็นว่าเสือนั้นคาดเดายาก
และดุร้ายกว่าที่คิด
การมองเข้าไปในตาของเสือ 
ก็เหมือนเรามองเข้าไปในจิตใจของเราเอง
จิตใจที่มีแต่ความกลัว..

Pi เป็นเด็กฉลาด
ครอบครัวเค้านับถือศาสนาฮินดู
แต่เค้าเองได้เรียนรู้ 
ศาสนาคริสและอิสลามด้วย

เราดูแล้ว นับถือครอบครัวนี้
ที่ให้อิสระกับลูกในการนับถือศาสนา
เพราะทุกศาสนาย่อมมีส่วนดี
และหากเราใช้ปัญญาพิจารณาก็จะรู้ว่า
คำสอนไหนที่ปรับใช้เพื่อพัฒนาตัวเองได้

เมื่อ Pi เริ่มโตเป็นวัยรุ่น
พ่อแม่ตั้งใจพา Pi กับพี่ย้ายไปอยู่แคนาดา

แต่เรือที่พวกเค้าโดยสาร
เจอพายุ และจมลงสู่ท้องทะเล

พ่อแม่ และพี่จมลงไปด้วย

ส่วน Pi พลาดตกทะเล 
แต่เกาะเรือชูชีพไว้ได้

เมื่อพายุสงบ Pi อยู่บนเรือ
ร่วมกับ ม้าลายที่ขาหัก
ลิงชิมแปนซี ฮายีน่า และเสือ

Pi ต้องปีนขึ้นๆลงๆเรือ
เพราะกลัวเสือกับฮายีน่า

ฮายีน่ากัดม้าลาย กับลิงกินเป็นอาหาร
แล้วเสือก็กัดฮายีน่า

ตอนนี้เหลือเพียงเจ้าเสือ 
ที่ชื่อริชาร์ด ปาร์กเกอร์ กับ Pi
ที่ต้องผจญชะตากรรมไปด้วยกัน

ในเรือมีลังอาหารสำรอง
และคู่มือการเอาชีวิตรอด
ซึ่งมีคำแนะนำให้เขียนไดอารี่
เพื่อได้ตั้งสติ ได้เล่าเรื่อง 
และเหมือนมีเพื่อนไว้รับฟัง
กับคำแนะนำในการฝึกสัตว์ดุร้ายให้เชื่อง ?!?

Pi ลองทำตาม
เขาค่อยๆฝึกสร้างความคุ้นเคย
กับริชาร์ดปาร์กเกอร์

Pi รู้สึกว่าริชาร์ดทำให้ Pi มีชีวิตต่อไปได้
เพราะความกลัวทำให้ Pi ได้ฝึกความกล้า
และการได้ดูแลริชาร์ด ทำให้ชีวิต Pi มีเป้าหมาย

เรือน้อย ฝ่ามรสุมครั้งแล้วครั้งเล่า
จนทั้ง Pi และริชาร์ด ย่ำแย่

ดีที่เรือถูกพัดไปติดเกาะกลางน้ำ
ที่ทำให้ Pi และริชาร์ด มีของกิน
เกาะที่เต็มไปด้วยตัวเมียร์แคท

บนเกาะนี้ กลางวันสุขสงบร่มรื่นดี
มีน้ำจืดให้กินและแหวกไหว้
แต่ในเวลากลางคืน กลับเป็นเกาะที่อันตราย
น้ำกลายเป็นกรด
ต้นไม้มีฟัน กินคน กินสัตว์ได้

Pi กับริชาร์ด จึงจำเป็น
ต้องออกจากเกาะนั้นมาลอยเรือต่อไป
จนถูกพัดไปขึ้นฝั่งที่เม็กซิโก

เมื่อถึงฝั่ง ริชาร์ดเดินตรงเข้าไปในป่า
โดยไม่หันกลับมามอง Pi แม้แต่น้อย
ซึ่งทำให้ Pi รู้สึกน้อยใจมาก
ที่ริชาร์ดไม่แสดงถึงความผูกพันต่อกันเลย

ช่วงที่ Pi ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล
มีคนมาสอบถาม ว่าทำไมเรือถึงล่ม
และ Pi มีชีวิตรอดมาได้อย่างไร

Pi เล่าให้เค้าฟัง อย่างที่พวกเราดูจากหนัง
แต่คนที่มีสัมภาษณ์กลับรู้สึกว่า ธรรมดาไป ??

Pi จึงเล่าใหม่
ถึงรายละเอียดที่เรือล่ม
และเปลี่ยนจากม้าลายเป็นลูกเรือ
ฮายีน่าเป็นพ่อครัว ลิงชิมแปนซีเป็นแม่
และเสือคือตัวเค้าเอง

พอเล่าโดยเอาคนมาแทนที่สัตว์
กลับทำให้น่าเชื่อ
และน่าสนใจมากขึ้น ??

ก็ตลกเจ็บๆดี

สัตว์กัดกันตายไม่น่าสนใจเท่าคนฆ่ากันตาย
ช่างสะท้อนความป่าเถื่อนในใจมนุษย์ยิ่งนัก !!

แล้วยังจะเลือกเชื่อแค่ในสิ่งที่อยากฟัง
ไม่ได้ใช้ปัญญาพิจารณาว่ามันจริงหรือไม่จริงเลย..

หนังก็ทิ้งปมไว้แบบนั้น
คนดูคิดเองละกันว่าความจริงคืออะไรกันแน่
เป็นหนังที่มีสัญลักษณ์มากมาย
คิดต่อยอดออกไปได้หลายแง่มุมมากๆๆๆๆๆ
ยอมรับเลยว่าเป็นหนังดีจริง :)